นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ (27 มิถุนายน 2497 — ) อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มขุนค้อน ประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เกิดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2497 เป็นบุตรของนายสงวน เกียรติสุรนนท์ และนางเพ่ง เกียรติสุรนนท์ นายสมศักดิ์สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และจบปริญญาโท วิศวกรรมศาสตร์มหาบัณฑิต จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาการเมือง จากมหาวิทยาลัยอเมริกา ประเทศสหรัฐอเมริกาปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขาศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
นายสมศักดิ์ เริ่มต้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดขอนแก่น สังกัดพรรคกิจสังคม นายสมศักดิ์ นับได้ว่าเป็นประธานรัฐสภาคนที่ 2 ที่เป็นชาวขอนแก่น ได้รับฉายาว่า "ขุนค้อนผู้ยิ่งใหญ่" ตั้งแต่ครั้งที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2540 สังกัดพรรคความหวังใหม่ ได้นำค้อนขึ้นมาเคาะบัลลังก์ แบบเดียวกับที่ใช้ในศาลยุติธรรมในต่างประเทศ เพื่อระงับเหตุเมื่อเกิดการถกเถียงกันในสภา
เดิมนายสมศักดิ์เป็นแกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา แต่เมื่อนายสมศักดิ์เข้ารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ทำให้เกิดความขัดแย้งกันในกลุ่ม นายสมศักดิ์จึงแยกตัวออกไปตั้งกลุ่มใหม่คือกลุ่มขุนค้อน จนกระทั่งในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี นายสมัคร สุนทรเวช จัดรายการชิมไปบ่นไป และยกโขยง 6 โมงเช้า มีมติเอกฉันท์ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลง
ต่อมาในวันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551 มีการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ได้รับเลือกด้วยคะแนน 298 ต่อ 163 (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) โดยมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายสมชาย เป็นนายกรัฐมนตรีในวันที่ 18 กันยายน ต่อมาในวันที่ 24 กันยายน มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง คณะรัฐมนตรีคณะที่ 58 ของประเทศไทย โดยนายสมศักดิ์ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ต่อมาในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคพลังประชาชน และตัดสิทธิ์ทางการเมืองของคณะกรรมการบริหารพรรคคนละ 5 ปี ทำให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน รักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ต้องพ้นจากตำแหน่ง จึงส่งผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลง
จากนั้นจึงได้ย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2553 ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.จังหวัดขอนแก่น และได้รับเลือกจากสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2554 สื่อมวลชนประจำสภาผู้แทนราษฎร ได้ตั้งฉายานักการเมือง ประจำปี 2554 โดยที่นายสมศักดิ์ ได้รับฉายาว่า "ค้อนปลอม ตราดูไบ" อันเนื่องมาจากการให้สัมภาษณ์ยอมรับของนายสมศักดิ์ ว่าได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก่อนที่จะมีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร อีกทั้งคำพูดของนายสมศักดิ์ ยังถูกจัดว่าเป็นวาทะแห่งปี คือ "คำวินิจฉัยประธานถือเป็นที่สิ้นสุด จะผิดหรือถูกเป็นอีกเรื่องหนึ่ง"
อุไรวรรณ เทียนทอง • อนุรักษ์ จุรีมาศ • อุไรวรรณ เทียนทอง • ไขศรี ศรีอรุณ • อนุสรณ์ วงศ์วรรณ • สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ • วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล • ธีระ สลักเพชร • นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ • สุกุมล คุณปลื้ม • สนธยา คุณปลื้ม • วีระ โรจน์พจนรัตน์